วันศุกร์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

สับดาห์ที่1 ส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์

คอมพิวเตอร์หรือพีซี ( PC: Personal Computer )
คอมพิวเตอร์ คือ อุปกรณ์ทางอิเล็กทรอนิกส์ที่ถูกสร้างขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่มนุษย์ ซึ่งมีความแม่นยำในการทำงานต่างๆ เช่นการจัดเก็บข้อมูล วิเคราะห์งาน คิดคำนวณ ประมวลผลข้อมูล ตลอดจนการทำงานต่างๆที่เกินขีดความสามารถของมนุษย์องค์ยวกับคอมพิวเตอร์ประกอบของคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์ประกอบไปด้วย 3 องค์ประกอบด้วยกันคือ1.Hardware (ฮาร์ดแวร์) คือ อุปกรณ์ทุกชิ้นที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ ที่สามารถจับต้องได้หรือสัมผัสได้ทั้งอยู่ภายในและภายนอกของคอมพิวเตอร์ เช่น ซีพียู แรม แมนบอร์ด จอภาพ เครื่องพิมพ์ เมาส์ คีย์บอร์ด และอื่นๆ2.Software (ซอฟต์แวร์) คือ โปรแกรมที่คอยสั่งงานให้คอมพิวเตอร์ทำงานซึ่งแบ่งตามประเภทการใช้งานได้ 3 ประเภทคือ- โปรแกรมระบบปฏิบัติการ หรือ โอเอส ( OS: Operating System ) เป็นโปรแกรมที่คอยดูและระบบ รวมทั้งติดต่อกับฮาร์ดแวร์ส่วนต่างๆ ของคอมพิวเตอร์- โปรแกรมเอนกประสงค์ (Utility Program ) เป็นโปรแกรมที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ และยังเป็นเครื่องมือในการแก้ไขปัญหาต่างๆรวมทั้งตรวจสอบระบบได้อีกด้วย โดยมีอยู่หลายประเภทเช่น โปรแกรมเช็คความเร็วคอมพิวเตอร์ โปรแกรมแสกนไวรัส โปรแกรมตรวจสอบตัวเครื่อง เป็นต้น- โปรแกรมประยุกต์ หรือเรียกอีกอย่างว่า ซอฟต์แวร์สำเร็จรูป (Package Software)เป็นโปรแกรมที่ถูกสร้างขึ้นมาเฉพาะด้าน และมีการทำงานที่แตกต่างกัน เช่นโปรแกรมบัญชี โปรแกรมกราฟิก โปรแกรมอินเตอร์เน็ต เป็นต้น3.People ware (พีเพิลแวร์)คือ ผู้ที่ใช้งานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ รวมถึงช่างคอมพิวเตอร์ นักวิเคราะห์ระบบ โปรแกรมเมอร์เป็นต้น4.Data (ดาต้า)คือ ข้อมูลดิบที่ป้อนเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์

ส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์ เคส (Case)
เป็นกล่องสี่เหลี่ยมใช้สำหรับบรรจุเมนบอร์ด ซีพียู แรมฮาร์ดดิสก์ และสิ่งอื่น ๆ อยู่รวมกันภายในเคส เพื่อให้คอมพิวเตอร์ทำงานได้ ซึงสามารถแบ่งได้ดังนี้- แบบฟูลทาวเวอร์ เป็นเคสขนาดใหญ่มีน้ำหนักมาก นิยมนำไปใช้เป็นเครื่อง Sever- แบบมีเดียมทาวเวอร์ เป็นเคสที่มีน้ำหนักปานกลาง สำหรับตั้งไว้บนโต๊ะทำงานหรือบนพื้น ปัจจุบันถือเป็นมาตราฐานและเป็นที่นิยมทั้วไป- แบบมินิทาวเวอร์ เป็นเคสที่มีขนาดเล็กเหมาะสำหรับเมนบอร์ดขนาดเล็กที่จำกัดจำนวนสล็อต PCI ไว้เพียง 2-3 สล็อต- แบบเดสท็อป เป็นเคสแบบวางแนวนอนนิยมวางจอภาพไว้บนตัวเคสใช้ตามหน่วยงานและบริษัท- แบบมินิพีซี เป็นเคสนาดเล็กอาจมีทั้งแนวนอนและแนวตั้ง เหมาะสำหรับแมนบอร์ดที่มีขนาดเล็กมาก พาวเวอร์ซัพพลาย (Power Supply)
โดยปกติเคสที่จำหน่ายกันในท้องตลาดจะมีพาวเวอร์ซัพพลายติดมาด้วยพาวเวอร์ซัพพลายแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ &bnsp
สายของพาวเวอร์ซัพพลายแบบ AT จะแยกออกเป็นชุดๆ ละ 6 เส้น การต่อใช้งานให้สีดำชนกันอยู่ตรงกลาง &bnsp
สายพาวเวอร์ซัพพลายแบบ ATX จะมีสายไฟเป็นชุดเดียวกันจำนวน 20 เส้นแบ่งออกเป็น 2 แถว ๆ ละ 10 เส้น ส่วนสายไฟที่พาวเวอร์ซัพพลายจ่ายให้กับอุปกรณ์อื่นทั้งแบบ AT และ ATX จะเหมือนกันคือเป็นสายไฟ 4 เส้นต่อกับจุดต่อ สายไฟสีเหลืองจะเป็นไฟ +12 v. สายไฟสีแดงจะเป็นไฟ +5 v. และสายไฟสีดำ 2 เส้นตรงกลางจะเป็นสายดิน ส่วนความสามารถในการจ่ายไฟของพาวเวอร์ซัพพลายแต่ละตัวนั้นจะขึ้นอยู่กับผู้ผลิตว่าจะใส่พาวเวอร์ซัพพลายขนาดใดติดมากับเคส การเลือกซื้อเคสควรเลือกที่มีพาวเวอร์ซัพพลายที่มีการจ่ายไฟให้เพียงพอหรือสูงกว่าความต้องการของอุปกรณ์ที่นำมาประกอบ ในท้องตลาดจะมีพาวเวอร์ซัพพลายขนาด 150-300 WATTS
ฟล็อปปี้ดิสก์ไดร์ฟ (FLOPPY DISK DRIVE)หรือเรียกสั้น ๆ ว่า ดิสก์ไดร์ฟ เป็นอุปกรณ์สำหรับอ่านข้อมูลจากแผ่นดิสเกตต์ และเขียนข้อมูลลงบนแผ่นดิสเกตต์ โดยเริ่มผลิตจากขนาด 5.25 นิ้ว ความจุ 360 KB แล้วเพิ่มความจุขึ้นเป็น 1.2 MB และขนาด 3.5นิ้ว ความจุ 720 KB แล้วเพิ่มความจุเป็น 1.44 และ 2.88 MB ตามลำดับ ดิสก์ไดร์ฟทั้งสองขนาดจะสามารถอ่านและเขียนแผ่นดิสเกตต์ที่มี ความจุต่ำกว่าได้ แต่ในปัจจุบันจะใช้เพียงดิสก์ไดร์ฟขนาด 2.5 นิ้ว ความจุ 1.44 MB เท่านั้น

จอมอนิเตอร์ (Monitor)ส่วนที่ใช้ในการแสดงผลการทำงานของคอมพิวเตอร์ จอภาพที่ดีควรแสดงผลได้ละเอียดที่ 800 x 600 จุดขึ้นไป และมีอัตรรีเฟรซ เรท สูงพอที่ไม่ทำให้ภาพเกิดการกระพริบ เพราะจะทำให้เกิดอาการปวดตา ในระหว่างการทำงาน
จอภาพทั่วไปมี 2 แบบ คือ-จอภาพ CRT เป็นจอภาพที่ใช้กันส่วนใหญ่ ภาพเกิดจากการยิงของลำแสงอิเลคตรอนไปกระทบกับสารเรืองแสงบนหน้าจอ จอชนิดนี้จะมีขนานใหญ่และหนาส่วน-จอภาพ LCD เป็นจอลักษณะ บางแบน มีน้ำหนักเบา ส่วนใหญ่ใช้กับเครื่องโน๊ตบุ๊ก มอนิเตอร์ หรือจอภาพ เป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นมากอีกอย่างหนึ่ง เป็นอุปกรณ์ที่แสดงให้เห็นการทำงานของเครื่องและ โปรแกรมต่าง ๆ การจัดรูปแบบของข้อความ และข้อมูล

ซีพียู (CPU : Central Processing Unti)หรือหน่วยประมวลผลกลาง นับเป็นอุปกรณ์ตัวหนึ่งที่มีความสำคัญและจำเป็นในการทำงานของคอมพิวเตอร์ซึ่งอาจจะเรียกว่าเป็นหัวใจของคอมพิวเตอร์เลยก็ได้ ซีพียูเป็นตัวควบคุมการทำงานของอุปกรณ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ที่อยู่ในคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์ที่ต่อร่วมกับคอมพิวเตอร์ และมีหน้าที่ประมวลผลคำสั่งต่าง ๆ ที่รับมาจากอุปกรณ์ เช่น เมาส์และคีย์บอร์ด เมื่อประมวลผลแล้ว จะส่งผลไปให้กับอุปกรณ์ Output เช่น จอภาพ ผ่านทางการ์ดแสดงผล เสียงผ่านการ์ดเสียงพิมพ์งานด้วยเครื่องพิมพ์ ผ่านพอร์ต Parallalซีพียูที่นิยมใช้กันในปัจจุบันเป็นของ 2 คู่แข่ง
1.ค่าย Intel คือ Celeron, Pentium III และ Pentium 4
2.ค่าย AMD มีซีพียูที่มาแรงคือ Duron และ Thunderbird
ตระกูลของซีพียูมีอยู่ด้วยกัน 3 บริษัท1. Intel เป็น CPU ที่มีการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีการผลิตอย่างเนื่องและยาวนานที่สุด ราคาของCPU ของ intel นี้มีการ จำหน่ายในราคาสูง แต่ก็ได้รับความนิยมมาก2. AMD เป็น CPU ที่ผลิตขึ้นหลังจากซีพียูของ intel แต่ในปัจจุบันก็มีคนนิยมใช้มากขึ้นเรื่อย ๆ3. Cyrix เป็น CPU ที่ไม่ค่อยได้รับความนิยมมากนัก แต่ยังพอจะเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการ CPU ที่
ราคาถูก CPU
องค์ประกอบของซีพียู ลักษณะของตัวซีพียู จะหมายถึง รูปร่างหรือแบบของซีพียูที่ถูกผลิตออกมา ซึ่งจะมีอยู่ด้วยกัน 2 แบบ คือ
1. แบบการ์ดหรือตลับ มีลักษณะเป็นแผงหรือตลับสี่เหลี่ยมผืนผ้า ด้านล่างมีหน้าสัมผัสสำหรับเสียบลงบนช่องต่อบนเมนบอร์ด ซึ่งเรียกว่า สล็อต (Slot)

ลักษณะการเชื่อมต่อของซีพียูกับเมนบอร์ด สำหรับเสียบซีพียูแบบการ์ดหรือตลับ ซึ่งปัจจุบันจะมีอยู่ด้วยกัน
2 แบบ คือ Slot 1 ที่ใช้กับซีพียูของค่าย Intel และ Slot A ที่ใช้กับซีพียูของค่าย AMDใช้กับ Pentium II, III, และ Celeron ของ Intel ใช้กับ Athlon ของ AMD

2. แบบชิป PGA มีลักษณะเป็นแผ่นชิปบาง ๆ มักเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส ด้านหลังจะมีขาเสียบ โดยรอบสำหรับเสียบลงช่องต่อบนเมนบอร์ด ซึ่งเรียกว่า ซ็อกเก็ต (Socket) ลักษณะการเชื่อมต่อของซีพียูกับเมนบอร์ด สำหรับเสียบซีพียูแบบชิป PGA ซึ่งปัจจุบันจะมีอยู่ด้วยกันหลายแบบ เช่น Socket 7, Socket 370 สำหรับซีพียูของค่าย Intel และ Socket A สำหรับซีพียูของค่าย AMD

ฮาร์ดดิสก์ (HARDDISK DRIVE)เป็นอุปกรณ์หลักสำหรับเก็บข้อมูลโปรแกรมระบบปฏิบัติการและโปรแกรมใช้งานต่างๆ ความเร็วของฮาร์ดดิสก์ มีผลต่อความเร็วรวมของเครื่องเช่นกันซึ่งความเร็วในการอ่านเขียนข้อมูลจากฮาร์ดดิสก์มาจากส่วนประกอบ 2 ส่วนคือ-ความเร็วรอบมีหน่วยเป็น rpm โดยในปัจจุบันนี้ฮาร์ดดิสก์ส่วนใหญ่จะมีความเร็วรอบตั้งแต่ 5,400 รอบต่อนาที ถึง 15,000 รอบต่อนาที ถ้าความเร็วรอบสูงขึ้น ข้อมูลจะผ่านหัวอ่านเขียนได้เร็วขึ้นความเร็วโดยรวมจะดีขึ้น แต่จะมีราคาสูงด้วยเช่นกัน- อัตราการส่งผ่านข้อมูล หมายถึงปริมาณข้อมูล ที่ถูกส่งผ่านภายในเวลา 1 วินาที ซึ่งบ่งบอกได้ด้วยมาตรฐาน เช่น ATA-33, ATA-66 และ ATA-100
ฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ (Hard Disk Drive)ชุดจานแม่เหล็กชนิดแข็ง เป็นอุปกรณ์ที่มีความสำคัญและจำเป็นอีกอย่างหนึ่งที่ต้องมีใจเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานในปัจจุบัน เนื่องจากโปรแกรมส่วนใหญ่จะมีความจุมาก และความเร็วในการอ่าน และเขียนข้อมูลบนฮาร์ดดิสก์ จะสูงกว่าการอ่านและเขียนบนแผ่นดิสก์มาก ฮาร์ดดิสก์ที่ใช้กันในปัจจุบันแบ่งออกเป็น 2 แบบคือ แบบไอดีอี (IDE) และแบบ สกัสซี่ (SCSI)1.IDE เป็นฮาร์ดดิสก์ที่ใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ทั่วไป เครื่องคอมพิวเตอร์รุ่นแรก ๆ จะใช้ฮาร์ดดิสก์ที่มีความจุสูงสุดเพียง 528 MB และต่อฮาร์ดดิสก์ก็ได้เพียง 2 ตัวเท่านั้น ต่อมามีการพัฒนาให้ใช้ได้ สูงกว่านั้น เรียกว่า เอนฮานซ์ไอดีอี สามารถต่อฮาร์ดดิสก์ได้ 4 ตัว ในเครื่องเดียว มีความเร็วในการค้นหา และอ่านข้อมูลเพิ่มขึ้น ในปัจจุบันในการใช้ฮาร์ดดิสก์ให้มีความเร็วได้เต็มที่นั้นเมนบอร์ดจะต้องรับการทำงานของฮาร์ดดิสก์นั้นด้วย2.SCSI เป็นฮาร์ดดิสก์ที่มีความเร็วสูง ทนทาน และราคาแพงเหมาะสำหรับใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานหนัก เช่น FileServer ที่เปิดใช้งานตลอดเวลา สามารถเชื่อมต่อกันได้ถึง 7 ตัวในเครื่องเดียวกัน โดยปกติเมนบอร์ดจะไม่มี I/O ที่สามารถต่อกับฮาร์ดดิสก์แบบ SCSI ได้โดยตรง ต้องใช้ Interface Card หรือ SCSI
Controller Card ต่อเชื่อมระหว่างเมนบอร์ดกับฮาร์ดดิสก์แบบ SCSI
แรม (RAM) ย่อมาจาก Ramdom Access Memoryเป็นหน่วยความจำหลักของเครื่องมีความเร็วในการทำงานสูงแต่มีข้อเสียคือ สามารถเก็บข้อมูลไว้ได้ขณะที่เปิดเครื่องอยู่เท่านั้น ถ้าปิดเครื่องข้อมูลก็จะหายไป แรมแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทคือ- SRAM ทำจากทรานซิสเตอร์ กินไฟมากมีความเร็วสูง แต่เนื่องจากมีราคาแพงมาก จึงมักใช้ทำเป็นหน่วยความจำแคชสำหรับเมนบอร์ด และซีพียู- DRAM เป็นหน่วยความจำที่สร้างขึ้นโดยใช้สถานะ “มีประจุ” และ“ไม่มีประจุ” เป็นหลักในการเก็บข้อมูลซึ่งกินไปน้อยและราคาถูกกว่า SRAM จึงนิยมนำมาใช้ทำเป็นหน่วยความจำ หลักในเครื่องคอมพิวเตอร์ การทำงานของDRAMจะต้องทาการเติมประจุตามระยะเวลาที่กำหนด เพื่อไม่ให้ข้อมูลสูญหายไปเรียกว่าการ “Refresh” แรมที่ใช้เป็นหน่วยความจำหลักในคอมพิวเตอร์คือ DRAM ซึ่งมีหลายแบบ แต่ที่นิยมใช้กัน มี 2 แบบคือ EDO DRAM และ SDRAMEDO DRAM เป็น DRAM ที่ได้รับการพัฒนาให้มีความเร็วสูงขึ้นนิยมใช้ในเครื่องรุ่น 486, PentiumSDRAM เนื่องจากEDO RAM ไม่สามารถทำงานได้ที่ความถี่เกินกว่า 66 MHz
ชนิดของแรม
แรมมีความจุเป็นไบท์ และมีหลายประเภทมีการพัฒนาทั้งทางด้านความเร็วหลายประเภทมีการพัฒนาทั้งทางด้านความเร็ว และความจุดังนี้1. DRAM เป็นแรมที่มีความเร็ว และความจุน้อยที่สุด2. EDO RAM พัฒนาขึ้นมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและการแสดงผลทางด้านกราฟฟิค และถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานกับเครื่องระดับ Penrium ใช้กับเมนบอร์ดซ็อกเก็ต 7 โดยใช้กับช่องเสียบในแบบ SIMM ที่มีหน้าที่สัมผัสด้านเดียว จึงต้องใส่เป็นคู่3. SDRAM เป็นหน่วยความจำที่ทำงานเร็วกว่าและมีช่องสัญญาณ มากกว่า DRAM และ EDO RAM ออกแบบมาให้ใช้กับเมนบอร์ดที่เป็นสล็อต 1 และซ็อกเก็ต 7 บางรุ่นโดยใช้กับช่องเสียบในแบบ DIMM ที่มีหน้าสัมผัส 2 หน้า จึงใส่ที่ละแผงได้4. DDR SDRAM เป็นแรมที่พัฒนามาจาก SDRAM เพื่อให้มีความเร็วเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า5. RDRAM เป็นแรมแบบใหม่ที่มีความเร็วสูง ที่คาดว่าจะเข้ามาแทนที่ SDRAM แต่จะต้องใช้กับช่องเสียบในแบบ RIMM ด้วย

คีย์บอร์ด (Keyboard) หรือ แป้นพิมพ์เป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นมากในการพิมพ์คำสั่งต่าง ๆ เพื่อสั่งให้คอมพิวเตอร์ทำงาน และยังเป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับป้อนข้อมูลในการใช้งานโปรแกรมต่าง ๆ รวมทั้งมีการพัฒนาให้มีการเปิดปิดเครื่องผ่านทางแป้นพิมพ์ และนำอุปกรณ์อื่น ๆ มาติดตั้งเพิ่มขึ้น เช่น เมาส์ ชนิดที่เรียกว่า Trackball ไว้บนแป้นพิมพ์ด้วย ปุ่มต่างๆ บนคีย์บอร์ดมีจำนวนมาก ซึ่งสามารถแบ่งได้ 4 ส่วนหลัก คือ-Typing keys กลุ่มปุ่มพิมพ์อักขระ-Numeric keypad กลุ่มปุ่มตัวเลข และเครื่องหมายคำนวณ-Function keys กลุ่มปุ่มฟังก์ชัน F1 - F12-Control keys กลุ่มปุ่มควบคุมต่างๆ เช่น ลูกศร, Ctrl, Alt

การ์ดแสดงผล (DISPLAY CARD)เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ สำหรับแปลงสัญญาณภาพแบบดิจิตอล ไปเป็นสัญญาณแบบอะนาล็อค เพื่อแสดงผลบนหน้าจอมอนิเตอร์ การ์ดแสดงผลที่ดี จะช่วยให้เครื่องสามารถแสดงผลภาพเคลื่อนไหว และภาพ 3 มิติ เช่น เกม ต่าง ๆ ได้ราบรื่นไม่เกิดการกระตุกของภาพ และแสดงผลราคาถูกในปัจจุบันนิยมใช้การ์ดแสดงผลแบบ AGP ซึ่งเสียบกับสล็อตแบบ AGP บนเมนบอร์ดเนื่องจากบัสแบบ AGP มีความเร็วในการส่งผ่านข้อมูลสูงกว่าบัสแบบ PCI ประกอบกับมีหน่วยความจำจำนวนมากอยู่บนตัวการ์ด และทำงานโดยประสานกับซีพียู โดยตรงจึงทำให้สามารถแสดงผลได้อย่างรวดเร็ว
ดิสเพลย์การ์ด (Display Card) หรือ วีจีเอการ์ด (VGA Card)เป็นการ์ดที่มีไว้สำหรับต่อเข้ากับจอภาพ ที่ทำหน้าที่เป็นตัวส่งสัญญาณให้ไปปรากฎที่จอภาพเพื่อให้ผู้ใช้งานทราบถึงการทำงานของเครื่อง ดิสเพลย์การ์ดรุ่นแรกนั้นเรียกว่า โมโนโครมการ์ด จะแสดงผลได้เพียงสีเดียว มีบัสเป็นแบบ XT ต่อมาเพิ่มการแสดงผลให้เป็นสีขึ้นมา แต่จำนวนและความละเอียดของสีจะไม่มากนักเรียกการ์ดนี้ว่า ซีจีเอการ์ด (CGA Card) การแสดงผลของวีจีเอการ์ดนี้จะขึ้นอยู่กับวีดีโอแรม และไดรเวอร์ ของการ์ดนั้นด้วย ปัจจุบันมีการแสดงผลแบบ 3 มิติ และต่อสัญญาณไปเข้ากับโทรศัพท์ด้วย จึงมีการสร้างบัสที่สามารถแสดงผลได้เร็วและคมชัดเรียกว่า เอจีพีบัส (AGP Bus) ส่วนวีจีเอการ์ดที่ติดตั้งมาบนเมนบอร์ดนั้นจะเป็นบัสแบบใดขึ้นอยู่กับบริษัทผู้ผลิต และในเมนบอร์ดบางรุ่นจะใช้แรมของระบบไปใช้เป็นวีดีโอแรมด้วยหากใช้เมนบอร์ดแบบนี้ควรเพิ่มแรมสำหรับใช้เป็นวีดีโอแรมด้วย

การ์ดเสียง (SOUND CARD)เนื่องจากคอมพิวเตอร์ในปัจจุบันสามารถแสดงผลได้ทั้งภาพและเสียงเรียกว่า มีมัลติมีเดีย ดังนั้นการ์ดเสียงจึงเป็นสิ่งจำเป็นเช่นกัน การ์ดเสียงมีหน้าที่แปลงสัญญาณดิจิตอล ทีประมวลผลจากซีพียู ให้เป็นสัญญาณเสียง และสามารุรับฟังได้ผ่านทางลำโพง การ์ดเสียงที่ดี จะมีการสร้างเสียงสังเคราะห์ เลียนเสียงธรรมชาติ หรือเสียงเครื่องดนตรีต่าง ๆ ทำให้สามารถเล่นเพลงให้เสียงสมจริง และควรสนับสนุนช่องเสียงหลายช่อง ซึ่งในปัจจุบันมักมีถึง 4 แซนแนล
ซาวน์การ์ด (Sound card) หรือการ์ดเสียง เป็นการ์ดที่สร้างขึ้นมาโดยนำอุปกรณ์ทางด้านอิเล็คทรอนิคส์มาประกอบเพื่อสร้างเสียงต่าง ๆ ขึ้นมาให้เหมาะสมร่วมกับการแสดงผลโดยซาวน์การ์ดรุ่นแรก ๆ จะเป็นแบบ FM คือ สามารถใช้งานกับเสียงประเภท .WAV, .VOC ได้ดี และต่อมาได้มีการพัฒนาให้ใช้กับไฟล์ แบบมีดีกับเครื่องคอมพิวเตอร์ได้โดยการสร้างเวฟเทเบิ้ลมาติดตั้งเพิ่มบนซาวน์การ์ดเพื่อให้เครื่องคอมพิวเตอร์ได้ และในซาวน์การ์ดบางรุ่นจะเพิ่มระบบ 3 มิติ เข้าไปด้วย โดยทั่วไปซาวน์การ์ดจะมีช่องสำหรับเสียบอุปกรณ์ต่าง ๆ คือ-Line Out เป็นจุดที่ใช้สำหรือต่อสัญญาณไปเข้าเครื่องขยายเสียง-Speaker Out เป็นช่องสำหรับต่อเสียงไปเข้าลำโพง-MIC In เป็นช่องสำหรือต่อไมโครโฟน-Line In เป็นช่องสำหรับต่อสัญญาณเสียงจากภายนอกเพื่อให้ซาวน์การ์ดเป็นตัวขยายเสียง-Game Port สำหรับต่อจอยสติกสำหรับเล่นเกมส์ ซาวน์การ์ดโดยทั่วไปจะมีบัสเป็นแบบ ISA Bus และ PCI Bus เท่านั้น
ในเมนบอร์ดบางรุ่นจะนำซาวน์การ์ดนี้ไปติดตั้งไว้บนเมนบอร์ด และจะเป็นซาวน์การ์ดแบบไม่มีเวฟ-เทเบิ้ล และข้อเสียของซาวน์การ์ดแบบออนบอร์ดก็คือ สัญญาณเสียงจะเบาไม่สามารถต่อเข้ากับลำโพงที่ไม่มีการขยายเสียงได้
เมนบอร์ด (MAINBOARD)บอร์ดเป็นแผ่นวงจร PCB มีอุปกรณ์อิเลคโทรนิคส์ต่าง ๆ ทำงานอยู่ร่วมกัน รวมทั้งมี สล็อดและซ็อคเก็ตสำหรับเสียบใส่อุปกรณ์ได้แก่ ซีพียู ฮาร์ดดิก์ แรม และการ์ดเสียบเพิ่มอยู่ด้วยกันเพื่อประสานการทำงานระหว่างกัน โดยมีบัส ซึ่งเป็นเสมือนถนนทางด่วนข้อมูลเป็นตัวเชื่อมต่อ เมนบอร์ด (Mainboard) หรือ มาเธอร์บอร์ด (MotherBoard) เป็นแผงวงจรหลักที่มีอุปกรณ์ต่าง ๆ ติดตั้งอยู่ เช่น ช่องสำหรับเสียบแผงวงจรต่อออกภายนอก สำหรับควบคุมการทำงานของอุปกรณ์ต่าง ๆ , สล็อต หรือ ซ็อกเก็ต สำหรับติดตั้งหน่วยความจำ , ซ็อกเก็ต หรือ สล็อต สำหรับติตตั้งซีพียูโดยจะมีซีพียูที่นำมาติดตั้งเป็นตัวควบคุมการทำงานของอุปกรณ์แต่ละชนิดบอร์ดรุ่นแรก ๆ จะมีเพียงซีพียู , แรม , ช่องต่อขยาย , จุดต่อ สำหรับต่อแป้นพิมพ์เท่านั้น ต่อมามีกาพัฒนานำอุปกรณ์ต่าง ๆ มาติดตั้งเพิ่มไว้บนเมนบอร์ด เรียกว่า อุปกรณ์แบบออนบอร์ด โดยเริ่มจาก I/O (Input/Output) ซึ่งได้แก่อุปกรณ์ที่ทำการติดต่อกับดิสก์ไดร์ฟ, ฮาร์ดดิสก์, พอร์ตสื่อสาร แล้วเพิ่มการ์ดแสดงผลทางจอภาพ โดยจะมีทั้งที่ติดตั้งหน่วยความจำที่ใช้เป็น Video RAM ไว้บนเมนบอร์ด และใช้หน่วยความจำหลักไปเป็น Video RAM การใช้งานทางด้านเสียง การับส่งข้อมูลทางอนาลอก เช่น FAX/MODEM รวมไปถึงการต่อระบบเครือข่าย ชนิดของเมนบอร์ด เมนบอร์ดที่มีจำหน่ายในท้องตลาดในปัจจบันมีมากมายหลายรุ่นหลายยี่ห้อ ในการแยกประเภทหรือชนิดของเมนบอร์ดนั้นคงต้องใช้ต้องใช้หลักการเชื่อมต่อของซีพียูเข้ากับเมนบอร์ดเป็นตัวกำหนด ซึ่งจะแบ่งออกได้เป็นสองกลุ่มใหญ่ ๆ คือแบบสล็อตกับแบบซ็อกเก็ต เมนบอร์ดที่ใช้การเชื่อต่อแบบสล็อตในปัจจุบันหาซื้อได้ยากแล้ว เนื่องจากซีพียูแบบตลับที่ใช้เสียบกับสล็อตเลิกผลิตแล้ว คงมีเพียงที่ผลิตออกมารองรับซีพียูเดิม เมนบอร์ดที่ใช้การต่อเชื่อมแบบซ็อกเก็ตในปัจจุบันมีออกมาแข่งขันกันจำนวนมากมีตั้งแต่ซ็อกเก็ต 7 ที่ใช้กับซีพียูเอเอ็มดี K6-2 และK6-3 ซ็อกเก็ต 370 ที่ใช้กับอินเทล Celeron และ Pentium III และซ็อกเก็ต A สำหรับซีพียู Duron และ Thunderbird

เมาส์ (Mouse)เป็นอุปกรณ์สำหรับเลือกและป้อนคำสั่ง ปกติจะมี 2 ปุ่ม และ 3 ปุ่ม แต่ส่วนมากจะใช้เพียง 2 ปุ่ม
-ปุ่มขวาใช้สำหรับเรียกคำสั่งลัด หรือคำสั่งเกี่ยวกับการทำงานตรงส่วนนั้น ๆ
-ปุ่มซ้ายใช้สำหรับเลือกและใช้คำสั่งเมาส์ได้ถูกพัฒนาให้มีตัวเลื่อนอยู่ตรงกลางระหว่างปุ่มหรือด้านข้างของตัวเมาส์ใช้สำหรับเลื่อนดูข้อมูลบนหน้าจอขึ้นลงเมื่ออยู่ในอินเตอร์เน็ต ด้านล่างของเมาส์ จะมีลูกกลิ้งยางเป็นตัวบังคับอุปกรณ์ภายในให้เคลื่อนที่เกิดการเปลี่ยนแปลตำแหน่งที่ชี้เมื่อใช้งานนาน ๆ อุปกรณ์ที่สัมผัสกับลูกกลิ้งยางจะสกปรกเนื่องจากมีฝุ่นเกาะ ทำให้เลื่อนไม่สะดวก ต้องทำความสะอาดด้วย การเช็ดสิ่งสกปรกออกเมาส์แบ่งออกเป็นหลายแบบ Serial Mouse เป็นเมาส์ที่ต่อกับพอร์ต COM 1 หรือ COM 2 PS/2 Mouse เป็นเมาส์ที่ทำงานเหมือนกับ Serial Mouse แต่มีการเปลี่ยนหัวเสียบมาเป็นแบบ PS/2 Track ball จะเหมือนกับเมาส์ทุกอย่างแต่จะหงายลูกกลิ้งยางขึ้นเพื่อให้ใช้นิ้วหมุนลูกกลิ้งยาง และมีปุ่มสำหรับเลือกคำสั่งอยู่ข้าง ๆ Infrared Mouse เป็นเมาส์ไร้สายส่งสัญญาณผ่านแสงอินฟาเรด ส่วนมากจะใช้กับการนำเสนอข้อมูลการเรียนการสอนที่ผู้ใช้เมาส์ไม่จำเป็นต้องอยู่หน้าเครื่องตลอดเวลา



ซีดีรอมไดร์ฟ (CD-ROM Drive)เป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับอ่านข้อมูลจากแผ่นซีดี มีความจำเป็นต้องใช้มากสำหรับคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน เนื่องจากข้อมูล หรือโปรแกรมส่วนมากจะมีขนาดใหญ่ จะต้องบันทึกไว้ในแผ่นซีดี ซึ่งสามารถเก็บข้อมูลจะแตกต่างกันออกไปตามความเร็วของซีดีรอมไดร์ฟแต่ละตัว ซีดีรอมไดร์ฟจะมีทั้งแบบติดตั้งภายในที่ติดตั้งถาวรไว้กับตัวเครื่อง ไม่เหมาะสำหรับการเคลื่อนย้ายบ่อย ๆ และแบบติดตั้งภายนอก จะต่อกับตัวเครื่องโดยใช้สายสัญญาณเป็นตัวต่อเชื่อมเหมาะสำหรับการเคลื่อนย้ายบ่อย ๆ ทั้งสองแบบยังแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ IDE และ SCSI ส่วนใหญ่ IDE จะใช้สำหรับติดตั้งภายนอก และมักจะเป็นแบบอ่านและบันทึก









































































วันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

สัปดาห์ที่11 การติดตั้งโปรแกรมระบบปฏิบัติการวินโดวส์

การติดตั้งวินโดวส์

1. นำแผ่น CD WINDOWS ใส่ไดรว์ CD-ROM

2.รอสักครู่ ขึ้นหน้าจอ Windows Setup (หน้าต่างสีฟ้า)

3.ปรากฎหน้าต่างการติดตั้งวินโดวส์ เลือกไดรว์ที่ต้องการติดตั้งเลื่อนลูกศรไปรายการ

C:Patition1 Fat 32

4.กด Enter เพื่อเริ่มติดตั้งวินโดวส์

5.เลื่อนลูกศรไปรายการ Format the Partition Using the NTFS File System (Quick)

6.กด Enter

7.กด F โปรแกรมจะทำการ Format

8.รอจน Boot เครื่องปิด และเปิดเครื่องอัตโนมัติ

Boot เครื่องใหม่ คือ

9.ปรากฎหน้าต่างการติดตั้งโปรแกรมวินโดวส์ แบบกราฟิก

10.รอจนกระทั่งติดตั้งสมบูรณ์ Boot เครื่องใหม่

11.บางเครื่องถามหาไดรเวอร์ การ์ดจอ ให้กด OK

12.ปรากฎหน้าต่าง Welcome to Microsoft Windows คลิกปุ่ม Next

13.คลิกที่เครื่องหมายกากบาท สีแดง

14.คลิก Next

15.ตั้งชื่อ .....

16.คลิก Next

17.คลิก Finish

18.เข้าสู่หน้าต่างโปรแกรมวินดดวส์